วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หมอน ขายหมอน ผลิตหมอนส่ง

นโยบาย"เรารักกัน" ทางบริษัทฯ จึงอยากให้ทุกคนได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพสูง และ มอบเป็นของขวัญแด่คนที่เรารัก ซึ่งหลังจากทำงานอย่างหนักก็ควรมีของใช้ดีๆ ไว้นอนหลับให้สบายใจ ด้วย หมอนสุขภาพ ที่ผลิตด้วยฝีมือคนไทยจึงเหมาะกับสังคมไทยตามสภาพเศรษฐกิจที่สามารถซื้อหาได้ในตลาดระดับกลาง
 

รับสมัครตัวแทนค้าส่งทั่วประเทศ

















 
 
มาทำความรู้จักกับหมอนสุขภาพกันเถอะ หมอนสุขภาพนั้นมีหลายแบบตามแต่ผู้ผลิตจะนำไปใช้กับ
สุขภาพด้านใด เช่น สุขภาพด้านคอและศรีษะ , สุขภาพด้านกระดูกสันหลัง , กระดุกขา หรือ ใช้สำหรับ
ป้องกันไรที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องการนอนกรน การตกหมอน เป็นต้น
แต่ผู้บริโภคก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ที่เป็นอยู่ให้ดีเช่นประเทศร้อน ประเทศหนาว
โรคที่เป็นอยู่ และที่สุดก็กำลังการจ่ายที่คุ้มค่า
ราคาหมอนสุขภาพมีหลากหลายยี่ห้อและคุณสมบัติตามแต่สังคมและวัตถุดิบต่างๆ
ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 250 - หลักหมื่นบาท

หมอนขนเป็ด ขนห่าน < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 700 - 2500
คุณลักษณะสำคัญของสินค้า
- หมอนขนอ่อนห่านทรงสูง สำหรับผู้ที่ชอบนอนตะแคง ช่วยจัดศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวตรง เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น
- บรรจุด้วยขนอ่อนในสัดส่วนที่สูงกว่าขนปีก ให้หมอนที่มีความฟูนุ่มน่าสัมผัส
- ไส้หมอนมีคุณสมบัติช่วยดูดซับและส่งผ่านความชื้นได้ดี
- ผ้าชั้นนอกผลิตจากใยฝ้ายซึ่งสามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยให้หมอนแห้งและเย็นอยู่เสมอ
หมอนเปลือกไม้ < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 800- 7000
วัสดุมหัศจรรย์ วิสโก้อีลาสติก
หมอนหนุนสุขภาพโคคิน ผลิตจาก วีสโก้อีลาสติก วัสดุสังเคราะห์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยองค์การนาซ่า เพื่อใช้ลดแรงต้านที่กระทำต่อร่างกายของนักบินอวกาศ วิสโก้อีลาสติก สามารถ ลดแรงต้าน ยุบตัว คืนตัว และโอบกระชับสรีระ ได้สมบูรณ์แบบ และเนื่องจากเป็นวัสดุสังเคราะห์ ไรฝุ่นจึงไม่สามารถอาศัยและเจริญเติบโตได้ อีกทั้งผ้าหุ้มหมอนที่ผสานสารแอคติการ์ด จึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และไรฝุ่นได้
เคล็ดลับเพื่อการพักผ่อนที่จะทำให้คุณนอนหลับสบายภายใต้การทำงานของ BUCKWHEAT FRUIT ที่บรรจุอยู่ภายในหมอน ทำให้ศีรษะและคอได้ระดับ เป็นแนวเดียวกัน ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดล้าและคลายเครียด หนุนสบายตลอดคืนแม้ยามศีรษะเคลื่อนไหว คุณจะตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์สดชื่น สดใสในทุกเช้า

หมอนหลอดกาแฟ < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 350 - 500
คุณสมบัติของสินค้า
อากาศถ่ายเทสะดวก ทำให้ไม่ร้อนหมอนรองรับบริเวณต้นคอได้เป็นอย่างดี ตามสรีระต้นคอ
ไม่มีไรฝุ่น ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้สามารถเปลี่ยนไส้หมอน และถอดทำความสะอาดได้
หลักการทำงาน
ก็คือ เจ้าหลอดกาแฟชิ้นเล็กๆนี้ เมื่อมันรวมตัวกันมากๆจะมีช่องว่างอากาศมากมาย เมื่อพวกมันถูกกดทับ ก็จะยุบตัวและจะไม่มีการพองกลับในทันทีทันใด ดังนั้นเวลาเรานอนแล้วเรา
ขยับ หรือพลิกตัว เราจะรู้สึกว่ามันพอดีกับต้นคอ คล้ายๆ กับการปั้มป์ลูกกุญแจบนก้อนดินน้ำมัน มันจะทิ้งร่องรอยของกระดูกไว้และที่สำคัญคือไม่มีใยนุ่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของไรฝุ่น จึงสามารถลดอาการของโรคภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี

หมอนไมโคร < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 1000 - 2000

หมอนใบชา < คลิ๊กดูภาพ
นิยมใช้สำหรับของชำร่วย ต่างๆ


หมอนขนแกะ



หมอนยางพารา < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 600 - 1200



ยางพาราแท้ 100%
มีคุณสมบัติที่โดดเด่น และดีเลิศ ในการทำที่นอน ด้วยความเหมาะสมในคุณสมบัติ หลายๆด้าน
ของที่นอนยางพาราแท้ ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือก สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ ซื้อที่นอน และเป็นช่องว่างให้ผู้ผลิต ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ฉวยโอกาส นำวัสดุอื่นที่คุณสมบัติใกล้เคียง
และราคาถูกกว่า มาใช้เลียนแบบที่นอนยางพาราแท้ 100 %
แล้วบอกว่าเป็นที่นอนยางพารา ซึ่งทำให้ ผู้ซื้อเสียเงิน ซื้อของคุณภาพต่ำ ในราคาที่สูงเกินจริง
และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้ ในแง่การใช้งาน แน่นอนว่า ความรู้สึกถึงความสบายน้อยกว่า
และอายุการใช้งานสั้นกว่ามาก
ถึงการเลือกซื้อที่นอนยางพาราดังนี้

1 ส่วนใหญ่ของแท้จะต้องมีซิบเปิดให้ดูวัสดุข้างในได้
2 ความนุ่มนวล ที่สัมผัสได้

ที่นอนยางพาราของแท้ จะมีความนุ่มหลายระดับ ตั้งแต่ นุ่มมากจนถึงแข็งแน่น แต่อย่างไรก็ตาม
จะไม่แข็งกระด้าง จะมีความนุ่มแบบ หยุ่น ๆ ขณะสัมผัส รุสึกได้ ด้วยการทดลองนอนจริง
ที่นอนยางพาราแท้จะยืดหยุ่นมากสามารถทดลองด้วยการพับหรือม้วน
แล้วใช้เชือกมัด เมื่อแกะเชือกออก ก็จะดีดกลับทันทีหรือแม้กระทั่ง ม้วนใส่ถุงแล้วดูดอากาศออก
ก็สามารถทำได้ดังภาพ
3 น้ำหนัก
น้ำหนักของที่นอนยางพาราแท้ จะมีน้ำหนักค่อนข้างมากแต่เนื่องจากคุณสมบัตินี้
ทำให้มีการสอดใส้ด้วย ยางอัดซึ่งจะมีน้ำหนักที่มากกว่า 2-3 เท่า ของยางพาราแท้
ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของยาง ( Density )ที่นอน ที่เบาอาจทำจากฟองน้ำหรือโพลียูรีเทน
ทดลองตรวจสอบได้ โดยการยกเพียงมือเดียว และถ้าหุ้มด้วยผ้าที่มีความหนามาก อาจยกขึ้นตั้งแบบตะแคงได้โดยไม่โค้งงอ แล้วทิ้งน้ำหนักลงมาเหมือนยางพาราแท้
ส่วนที่นอนยางพาราแท้ทั้งชิ้น ถ้าจะยกเพียงมือเดียวจะยกได้เแต่เฉพาะมุม
หรือม้วนมุมได้หากหุ้มด้วยผ้าแบบบางแต่ถ้าถึงขั้น ยกมุมไม่ได้เลยเพราะหนักมากเกินไป
อาจประเมินได้ว่า เป็นยางอัด หรือฟองน้ำอัดมีวิธีคำนวน เรื่องน้ำหนักของยางพาราแท้ด้วยสูตรนี้คือ
หน่วยความหนาแน่นของยางพาราแท้ เรียกว่า Density ดังนั้น มีวิธีการคำนวณน้ำหนักง่าย ๆ ก็คือ
เอาความกว้าง คูณ ด้วยความยาวและคูณด้วยความหนาของที่นอน (เป็นเซ็นติเมตร)
เสร็จแล้วหารด้วย 1,000,000 แล้วคูณด้วยเดนซิตี้ที่โรงงานบอกมา
เช่น ถ้าโรงงานบอกว่าที่นอนชิ้นนี้เดนซิตี้เท่ากับ 85 KG/m3 ผลลัพธ์ที่ได้มาคือน้ำหนักเป็นกิโลกรัม
ถ้าคุณลองเอาที่นอนไปชั่งดู (ถ้าชั่งได้) แล้วได้ผลลัพธ์เท่ากับที่คำนวณ แสดงว่า นั่นคือยางพาราจริง

ลักษณะทางกายภาพที่นอนยางพาราแท้จะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำทั่วผืน
ทั้งด้านบนและด้านล่าง แต่มีลักษณะเนื้อนวลเนียนละเอียดกว่าฟองน้ำมาก
กลิ่นที่นอนยางพาราแท้ จะมีกลิ่นยางอ่อนๆในช่วงสัปดาห์แรก
ที่เปิดห่อพลาสติกหุ้มที่นอนออก แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ดีขึ้น อาจมีการผสมกลิ่นหอม เช่น วนิลา
ในขบวนการผลิต ทำให้กลิ่นยางแท้ ๆ เจือจางลงอย่างไรก็ตามหากคุณไม่คุ้นชิน กับกลิ่นของยางพาราธรรมชาติ สามารถวางภาชนะใส่น้ำส้มสายชูเพื่อช่วยดูดกลิ่นให้หายไปได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น

หมอนฟองน้ำ < คลิ๊กดูภาพ


หมอนใยสังเคราะห์ < คลิ๊กดูภาพ ราคา 250 - 800
ส่วนใหญ่นิยมนำมาผลิตทั่วไปเพื่อทดแทน นุ่น ซึ่งหายากขึ้นทุกวันและมีราคาแพงขึ้นแต่ยิ่งใช้กลับทำให้มีเศษนุ่นเป็นละอองฝุ่นเล็กๆ เวลานำไปตากแดด จึงมีการนำใยสังเคราะห์ซื่อเป็นพลาสติก
มาใช้แทนมีความเหนียวกว่าและสปริงตัวดีกว่า สามารถซักได้ดีแห้งเร็ว
ปัจจุบันได้นำมาผลิตเป็นใยลูกบอล ที่มีความสปริงตัวสูงและไม่เก็บฝุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมนำไป
ผลิตเป็นใสหมอนสุขภาพกันมากขึ้น
ดังนั้นเราในฐานะผู้ใช้ต้องเลือกที่จะใช้ให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจ

 
แนะวิธีการเลือกหมอน จากโรงพยาบาลกรุงเทพ
        โรงพยาบาลกรุงเทพแนะวิธีการเลือกหมอนที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น และลดอาการปวดคอและหลังได้ เนื่องจากกระดูกสันหลังของคนเรามีลักษณะคล้ายกับตัว S ที่ช่วงหน้าอกจะงอไปข้างหลัง ช่วงคอจะงอมาด้านหน้า ทำให้เวลานอนคนเราจำเป็นต้องมีหมอนหนุนคอ เพื่อให้ได้โค้งงอไปตามธรรมชาติ
หมอนที่ดีควรนุ่มหนุนสบายเพื่อ รองรับศีรษะ หนุนตั้งแต่ต้นคอถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้ว หากนอนหมอนเตี้ยและนุ่มเกินไป เวลานอนหมอนจะยุบลงทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูง โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อตื่นขึ้นมาจะเกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม อาจทำให้มีอาการเหมือนคนตกหมอน ปวดเคล็ดต้นคอ และหันลำบาก
ส่วนหมอนที่สูง และแข็งเกินไปจะทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย บริเวณที่สัมผัสกับหมอนเลือดจะไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้คอตั้งมากเกินไป เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวกซึ่งอาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกต้นคอ ทับหลอดเลือดและเส้นประสาทหรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ เช่น ปวดต้นแขน
แพทย์แนะนำผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และปอดว่าควรจะนอนหมอนสูงเพื่อให้หัวใจ และปอดทำงานเบาขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่มีไข้สูงควรหาหมอนน้ำให้หนุน เพื่อให้ความเย็น และช่วยลดความร้อนที่ศีรษะให้ดีขึ้น
อาการปวดคอเวลานอนยังขึ้นอยู่กับ ท่าการนอนด้วย ท่านอนที่ดีคือท่านอนหงาย และใช้หมอนนิ่มและไม่สูง ให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง ถ้าชอบนอนตะแคงควรใช้หมอนที่ไม่สูงเกินไปและมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่างขา หรืออาจจะใช้ผ้าขนหนูม้วนหนุนข้อมือด้านที่ตะแคงก็ได้ ท่านอนตะแคงที่เหมาะสม คือหมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะโดยศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว
อีกสาเหตุหนึ่ง คือนอนตกหมอนซึ่งมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ความจริงแล้ว ไม่ได้เกิดจากการนอนตกหมอน แต่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างสะบักอาจเป็น ด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้
วิธีแก้ไขอย่างง่ายๆ ทำได้ 2 วิธี คือนวดโดยใช้นิ้วมือกดบริเวณที่ปวดแรงๆ แช่ไว้นานๆ ประมาณ 2 อึดใจเพื่อไล่เลือด และกรดที่คั่งในกล้ามเนื้อออกไปเพื่อให้เลือดได้สะดวก
อีกวิธีหนึ่งคือใช้ความร้อนจะใช้ กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าชุบน้ำร้อนหรือใช้ขวดใส่น้ำร้อนห่อผ้า วางบริเวณที่ปวด และคลึงเบาๆ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่อักเสบคลายตัวได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : sanook.com และ วิธีหนุนหมอน

การเลือกหมอน
หมอนที่ดี ควรมีความนุ่มหนุนสบาย สามารถรองรับได้ตั้งแต่คอจนถึงศีรษะ โดยมีความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้ว รวมไปถึงความนุ่ม และรองรับศีรษะจนถึงบริเวณคอได้ทั้งหมด
การจะนอนให้หลับดีต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง การเลือกหมอนที่เหมาะสมกับท่านอน ก็อาจจะทำให้นอนหลับดีขึ้น และยังลดอาการของอาการปวดหลังหรือปวดคอ
วิธีการหนุนหมอนกับท่านอนแต่ละท่า
  1. นอนหงาย หมอนที่ใช้ ต้องนิ่ม และไม่สูง ควรให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง โดยตำแหน่งที่จะใช้หนุน ได้แก่ บริเวณศีรษะ คอ ไหล่ และเข่า
  2. นอนตะแคง มีหมอนใบหนึ่งหนุนศีรษะโดยที่หมอนต้องไม่สูงเกินไป หมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะ ซึ่งศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว และมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่งขา บางท่านอาจจะใช้ผ้าขนหนูม้วนหนุนข้อมือด้านที่ตะแคง
  3. นอนคว่ำ ไม่ต้องใช้หมอนหรือหากจะใช้ต้องค่อนข้างจะแบน และอาจจะมีหมอนใบเล็กๆหนุนตรงบริเวณท้อง
ชนิดของหมอน
  1. หนุนที่เข่าซึ่งสามรถหนุนได้สองรูปแบบ คือนอนหงายแล้วเอาหมอนหนุนใต้เข่า หรือนอนตะแคงหมอนอยู่ระหว่างขา ท่านอนและการใช้หมอนท่านี้จะช่วยลดอาการปวดหลังเนื่องจากกล้ามเนื้อหลังอักเสบ หมอนที่ใช้คือหมอนข้าง
  2. หมอนหนุนที่ศีรษะและคอ หมอนที่ดีควรจะรองตั้งแต่ต้นคอจรดถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้วโดยหมอนควรจะนุ่มเพื่อที่ส่วนที่รองศีรษะยุบ จนกระทั่งหมอนสามารถรองรับบริเวณคอ หมอนชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ปวดต้นคอ หากหมอนสูงเกินไปเมื่อนอนหงายหรือนอนตะแคง กล้ามเนื้อคอจะถูกยืดมากเกินไป ทำให้ปวดกล้ามเนื้อคอ และที่สำคัญในทางนอนหงายหากหมอนสูงไป จะทำให้ทางเดินหายใจแคบเกิดอาการกรน
  3. หมอนรูปตัว U เป็นหมอนทีใช้สำหรับหนุนคอ ขณะเดินทางโดยสารเพื่อป้องกันมิให้คอเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง หรือหงายไปทางด้านหลัง เหมาะสำหรับนั่งหลับขณะโดยสารในรถหรือเครื่องบิน
  4. หมอนรองหลัง ใช้สำหรับหนุนหลังส่วนเอว เหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานนั่งนาน หรือขับรถนาน เพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง
  5. หมอนรูปโดนัท เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกก้นกบหัก เวลานั่งจะไม่ปวดก้น
เมื่อท่านเลือกที่จะใช้หมอนที่ใดที่หนึ่งให้ลองดูดูสัก 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นผล เมื่อใช้หมอนไประยะเวลาหนึ่งความนุ่มของหมอนจะเสียไป ต้องเปลียนหมอน
วิธีดูแลรักษา และแบรนด์ที่จำหน่ายดังนี้
  1. หมอนยางพารา ควรผึ่งลมเพื่อกำจัดกลิ่นอับและเลี่ยงแดดจัด ถ้ามีรอยเปื้อนให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วผึ่งลมให้แห้ง
  2. หมอนเมมโมรีโฟม เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ และปล่อยให้แห้ง กรณีโฟมด้านในเปียก ใช้แรงกดเพื่อรีดน้ำออกและปล่อยให้แห้ง ต้องเลี่ยงแดดจัด
  3. หมอนขนเป็ด ควรผึ่งแดดเป็นประจำครั้งละ 2-3 ชม. ตบหมอนเป็นประจำเพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
  4. หมอนขนห่าน ควรนำออกผึ่งแดดสม่ำเสมอ ครั้งละ 2-3 ชม. และหมั่นตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
  5. หมอนใยสังเคราะห์ ควรตบหมอนตามแนวทแยงทั้งสองด้านทุกวัน เพื่อให้พองฟู ซักเป็นประจำทุก 2-3 เดือน หลังซักให้ผึ่งไว้ในแนวนอน และไม่ควรบิดหมอน.

         ใครว่าเรื่องหมอนไม่ใช่เรื่องใหญ่...เพราะร่างกายคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม เพื่อการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ และ “หมอน” คือหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับการนอน ถ้าเลือกหมอนไม่ถูกสุขลักษณะ อาจจะทำให้คุณฝันร้ายได้ง่ายๆ เพราะนอนจากจะนอนไม่หลับแล้ว กระดูกสันหลังของคุณอาจจะโดนทำร้ายไปด้วย ดังนั้นการเลือกหมอนให้เหมาะกับสรีระ จะทำให้คุณได้ฝันดีไปตลอดคืน

เนื่องจากกระดูกสันหลังคนเราจะโค้งคล้ายตัว S จึงจำเป็นต้องรักษาความโค้งงอตามธรรมชาติไว้ หน้าที่รองรับจึงตกอยู่ที่หมอนหนุนคอ และควรเลือกหมอนที่นุ่ม มีขนาดพอดี รองรับตั้งแต่คอจนถึงศีรษะ เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 4-6 นิ้ว โดย นายแพทย์ชลัท วินมูน ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง แห่งโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ได้มาให้ความรู้เรื่องการเลือกหมอนที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อป้องกันโรคกระดูกต้นคอ และเพื่อให้การนอนเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง

คุณหมอชลัทเล่าว่า “กระดูกคอ ประกอบด้วยกระดูกเล็กๆ7 ชิ้นมาเรียงต่อกัน แต่ละชิ้นจะเชื่อมต่อกันด้วยหมอนรองกระดูก ซึ่งกระดูกและหมอนรองกระดูกคอ มีหน้าที่สำคัญในการขยับเคลื่อนไหวของคอและศีรษะ และป้องกันอันตรายต่อไขสันหลังและเส้นประสาทภายใน ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับกระดูกต้นคอ จะทำให้เกิดอาการปวดคอ เคลื่อนไหวลำบาก ทั้งอาจจะเกิดอันตรายต่อเส้นประสาทไขสันหลังภายในได้ด้วย”

นอกจากนี้ คุณหมอยังชี้ว่าการเลือกหมอนให้ถูกสุขลักษณะและเหมาะกับสรีระมีความสำคัญมาก “การเลือกหมอนที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดคอ ทำให้เราสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ หมอนที่เหมาะสมควรรับกับความโค้งของกระดูกต้นคอพอดี ถ้าหมอนมีความอ่อนนุ่มพอควร เวลานอนศีรษะควรจมไปในหมอน และตัวหมอนควรมารองรับตรงส่วนโค้งด้านหลังของคอ ทำให้คอไม่เงยหรือก้มเกินไป หมอนที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาที่ก่อให้เกิดอาการปวดคอลงได้”

นอกจากการเลือกหมอนให้ถูกสุขลักษณะเหมาะกับสรีระแล้ว การดูแลรักษาหมอนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหมอนบางใบต้องซักมือเท่านั้น บางรุ่นใส่เครื่องซักผ้าได้ สำคัญที่สุดคือ หมอนควรแห้งสนิท ถ้าเปียกชื้นอาจก่อเชื้อราได้ โดยมีข้อสังเกต คือ ไส้จะไม่เกาะเป็นก้อน นั่นแสดงว่าแห้งสนิทดี ทั้งนี้ หมอนแต่ละชนิดมีวัสดุบรรจุต่างกัน จึงมีวิธีดูแลรักษาแตกต่างกันไปด้วย

1. หมอนยางพารา ควรผึ่งลมเพื่อกำจัดกลิ่นอับและเลี่ยงแดดจัด ถ้ามีรอยเปื้อน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วผึ่งลมให้แห้ง
2. หมอนเมมโมรีโฟม เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ และปล่อยให้แห้ง กรณีโฟมด้านในเปียก ใช้แรงกดเพื่อรีดน้ำออกและปล่อยให้แห้ง อย่าลืมว่าต้องเลี่ยงแดดจัด
3. หมอนขนเป็ด ควรผึ่งแดดเป็นประจำครั้งละ 2-3 ชม. ตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
4. หมอนขนห่าน ควรนำออกผึ่งแดดสม่ำเสมอ ครั้งละ 2-3 ชม. และหมั่นตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
5. หมอนใยสังเคราะห์ ควรตบหมอนตามแนวทแยงทั้งสองด้านทุกวันเพื่อให้พองฟู ซักเป็นประจำทุก 2-3 เดือน หลังซัก ให้ผึ่งไว้ในแนวนอน และไม่ควรบิดหมอน

Tips เคล็ดลับคู่หมอน :: ควรจำว่า หมอนทุกใบต้องมี “ปลอกหมอน” เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และช่วยยืดอายุการใช้งาน ปลอกหมอนที่ดีควรมีเส้นด้ายต่อตารางนิ้วมาก และอีกสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้เกิดจากหมอนสกปรก มีไรฝุ่นซ่อนอยู่ วิธีกำจัดง่ายๆ คือ นำหมอนตากแดดนานเกิน 1 ชม./ ซักด้วยน้ำร้อนนาน 30 นาที/ ซักแห้ง/ รีดด้วยความร้อนราว 140 องศาเซลเซียส/ ทำความสะอาดห้องนอนทุกวัน อย่าลืมอ่านวิธีใช้และดูแลรักษาหมอนแต่ละประเภทจากคู่มือด้วย :: Text by FLASH

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
FLASH

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ

2 ความคิดเห็น: