นโยบาย"เรารักกัน" ทางบริษัทฯ จึงอยากให้ทุกคนได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพสูง และ มอบเป็นของขวัญแด่คนที่เรารัก ซึ่งหลังจากทำงานอย่างหนักก็ควรมีของใช้ดีๆ ไว้นอนหลับให้สบายใจ ด้วย หมอนสุขภาพ ที่ผลิตด้วยฝีมือคนไทยจึงเหมาะกับสังคมไทยตามสภาพเศรษฐกิจที่สามารถซื้อหาได้ในตลาดระดับกลาง
รับสมัครตัวแทนค้าส่งทั่วประเทศ
มาทำความรู้จักกับหมอนสุขภาพกันเถอะ หมอนสุขภาพนั้นมีหลายแบบตามแต่ผู้ผลิตจะนำไปใช้กับ
สุขภาพด้านใด เช่น สุขภาพด้านคอและศรีษะ , สุขภาพด้านกระดูกสันหลัง , กระดุกขา หรือ ใช้สำหรับ
ป้องกันไรที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ต่างๆ หรือแม้แต่เรื่องการนอนกรน การตกหมอน เป็นต้น
แต่ผู้บริโภคก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ที่เป็นอยู่ให้ดีเช่นประเทศร้อน ประเทศหนาว
โรคที่เป็นอยู่ และที่สุดก็กำลังการจ่ายที่คุ้มค่า
ราคาหมอนสุขภาพมีหลากหลายยี่ห้อและคุณสมบัติตามแต่สังคมและวัตถุดิบต่างๆ
ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 250 - หลักหมื่นบาท
หมอนขนเป็ด ขนห่าน < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 700 - 2500
คุณลักษณะสำคัญของสินค้า
- หมอนขนอ่อนห่านทรงสูง สำหรับผู้ที่ชอบนอนตะแคง ช่วยจัดศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวตรง เพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้น
- บรรจุด้วยขนอ่อนในสัดส่วนที่สูงกว่าขนปีก ให้หมอนที่มีความฟูนุ่มน่าสัมผัส
- ไส้หมอนมีคุณสมบัติช่วยดูดซับและส่งผ่านความชื้นได้ดี
- ผ้าชั้นนอกผลิตจากใยฝ้ายซึ่งสามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยให้หมอนแห้งและเย็นอยู่เสมอ
หมอนเปลือกไม้ < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 800- 7000
วัสดุมหัศจรรย์ วิสโก้อีลาสติก
หมอนหนุนสุขภาพโคคิน ผลิตจาก วีสโก้อีลาสติก วัสดุสังเคราะห์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยองค์การนาซ่า เพื่อใช้ลดแรงต้านที่กระทำต่อร่างกายของนักบินอวกาศ วิสโก้อีลาสติก สามารถ ลดแรงต้าน ยุบตัว คืนตัว และโอบกระชับสรีระ ได้สมบูรณ์แบบ และเนื่องจากเป็นวัสดุสังเคราะห์ ไรฝุ่นจึงไม่สามารถอาศัยและเจริญเติบโตได้ อีกทั้งผ้าหุ้มหมอนที่ผสานสารแอคติการ์ด จึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และไรฝุ่นได้
เคล็ดลับเพื่อการพักผ่อนที่จะทำให้คุณนอนหลับสบายภายใต้การทำงานของ
BUCKWHEAT FRUIT ที่บรรจุอยู่ภายในหมอน ทำให้ศีรษะและคอได้ระดับ เป็นแนวเดียวกัน ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดล้าและคลายเครียด หนุนสบายตลอดคืนแม้ยามศีรษะเคลื่อนไหว คุณจะตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์สดชื่น สดใสในทุกเช้า
หมอนหลอดกาแฟ < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 350 - 500
คุณสมบัติของสินค้า
อากาศถ่ายเทสะดวก ทำให้ไม่ร้อนหมอนรองรับบริเวณต้นคอได้เป็นอย่างดี ตามสรีระต้นคอ
ไม่มีไรฝุ่น ไม่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้สามารถเปลี่ยนไส้หมอน และถอดทำความสะอาดได้
หลักการทำงาน
ก็คือ เจ้าหลอดกาแฟชิ้นเล็กๆนี้ เมื่อมันรวมตัวกันมากๆจะมีช่องว่างอากาศมากมาย เมื่อพวกมันถูกกดทับ ก็จะยุบตัวและจะไม่มีการพองกลับในทันทีทันใด ดังนั้นเวลาเรานอนแล้วเรา
ขยับ หรือพลิกตัว เราจะรู้สึกว่ามันพอดีกับต้นคอ คล้ายๆ กับการปั้มป์ลูกกุญแจบนก้อนดินน้ำมัน มันจะทิ้งร่องรอยของกระดูกไว้และที่สำคัญคือไม่มีใยนุ่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของไรฝุ่น จึงสามารถลดอาการของโรคภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี
หมอนไมโคร < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 1000 - 2000
หมอนใบชา < คลิ๊กดูภาพ
นิยมใช้สำหรับของชำร่วย ต่างๆ
หมอนขนแกะ
หมอนยางพารา < คลิ๊กดูภาพ ราคาตั้งแต่ 600 - 1200
ยางพาราแท้ 100%
มีคุณสมบัติที่โดดเด่น และดีเลิศ ในการทำที่นอน ด้วยความเหมาะสมในคุณสมบัติ หลายๆด้าน
ของที่นอนยางพาราแท้ ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือก สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ ซื้อที่นอน และเป็นช่องว่างให้ผู้ผลิต ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ฉวยโอกาส นำวัสดุอื่นที่คุณสมบัติใกล้เคียง
และราคาถูกกว่า มาใช้เลียนแบบที่นอนยางพาราแท้ 100 %
แล้วบอกว่าเป็นที่นอนยางพารา ซึ่งทำให้ ผู้ซื้อเสียเงิน ซื้อของคุณภาพต่ำ ในราคาที่สูงเกินจริง
และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้ ในแง่การใช้งาน แน่นอนว่า ความรู้สึกถึงความสบายน้อยกว่า
และอายุการใช้งานสั้นกว่ามาก
ถึงการเลือกซื้อที่นอนยางพาราดังนี้
1 ส่วนใหญ่ของแท้จะต้องมีซิบเปิดให้ดูวัสดุข้างในได้
2 ความนุ่มนวล ที่สัมผัสได้
ที่นอนยางพาราของแท้ จะมีความนุ่มหลายระดับ ตั้งแต่ นุ่มมากจนถึงแข็งแน่น แต่อย่างไรก็ตาม
จะไม่แข็งกระด้าง จะมีความนุ่มแบบ หยุ่น ๆ ขณะสัมผัส รุสึกได้ ด้วยการทดลองนอนจริง
ที่นอนยางพาราแท้จะยืดหยุ่นมากสามารถทดลองด้วยการพับหรือม้วน
แล้วใช้เชือกมัด เมื่อแกะเชือกออก ก็จะดีดกลับทันทีหรือแม้กระทั่ง ม้วนใส่ถุงแล้วดูดอากาศออก
ก็สามารถทำได้ดังภาพ
3 น้ำหนัก
น้ำหนักของที่นอนยางพาราแท้ จะมีน้ำหนักค่อนข้างมากแต่เนื่องจากคุณสมบัตินี้
ทำให้มีการสอดใส้ด้วย ยางอัดซึ่งจะมีน้ำหนักที่มากกว่า 2-3 เท่า ของยางพาราแท้
ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของยาง ( Density )ที่นอน ที่เบาอาจทำจากฟองน้ำหรือโพลียูรีเทน
ทดลองตรวจสอบได้ โดยการยกเพียงมือเดียว และถ้าหุ้มด้วยผ้าที่มีความหนามาก อาจยกขึ้นตั้งแบบตะแคงได้โดยไม่โค้งงอ แล้วทิ้งน้ำหนักลงมาเหมือนยางพาราแท้
ส่วนที่นอนยางพาราแท้ทั้งชิ้น ถ้าจะยกเพียงมือเดียวจะยกได้เแต่เฉพาะมุม
หรือม้วนมุมได้หากหุ้มด้วยผ้าแบบบางแต่ถ้าถึงขั้น ยกมุมไม่ได้เลยเพราะหนักมากเกินไป
อาจประเมินได้ว่า เป็นยางอัด หรือฟองน้ำอัดมีวิธีคำนวน เรื่องน้ำหนักของยางพาราแท้ด้วยสูตรนี้คือ
หน่วยความหนาแน่นของยางพาราแท้ เรียกว่า Density ดังนั้น มีวิธีการคำนวณน้ำหนักง่าย ๆ ก็คือ
เอาความกว้าง คูณ ด้วยความยาวและคูณด้วยความหนาของที่นอน (เป็นเซ็นติเมตร)
เสร็จแล้วหารด้วย 1,000,000 แล้วคูณด้วยเดนซิตี้ที่โรงงานบอกมา
เช่น ถ้าโรงงานบอกว่าที่นอนชิ้นนี้เดนซิตี้เท่ากับ 85 KG/m3 ผลลัพธ์ที่ได้มาคือน้ำหนักเป็นกิโลกรัม
ถ้าคุณลองเอาที่นอนไปชั่งดู (ถ้าชั่งได้) แล้วได้ผลลัพธ์เท่ากับที่คำนวณ แสดงว่า นั่นคือยางพาราจริง
ลักษณะทางกายภาพที่นอนยางพาราแท้จะมีรูพรุนเหมือนฟองน้ำทั่วผืน
ทั้งด้านบนและด้านล่าง แต่มีลักษณะเนื้อนวลเนียนละเอียดกว่าฟองน้ำมาก
กลิ่นที่นอนยางพาราแท้ จะมีกลิ่นยางอ่อนๆในช่วงสัปดาห์แรก
ที่เปิดห่อพลาสติกหุ้มที่นอนออก แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ดีขึ้น อาจมีการผสมกลิ่นหอม เช่น วนิลา
ในขบวนการผลิต ทำให้กลิ่นยางแท้ ๆ เจือจางลงอย่างไรก็ตามหากคุณไม่คุ้นชิน กับกลิ่นของยางพาราธรรมชาติ สามารถวางภาชนะใส่น้ำส้มสายชูเพื่อช่วยดูดกลิ่นให้หายไปได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น
หมอนฟองน้ำ < คลิ๊กดูภาพ
หมอนใยสังเคราะห์ < คลิ๊กดูภาพ ราคา 250 - 800
ส่วนใหญ่นิยมนำมาผลิตทั่วไปเพื่อทดแทน นุ่น ซึ่งหายากขึ้นทุกวันและมีราคาแพงขึ้นแต่ยิ่งใช้กลับทำให้มีเศษนุ่นเป็นละอองฝุ่นเล็กๆ เวลานำไปตากแดด จึงมีการนำใยสังเคราะห์ซื่อเป็นพลาสติก
มาใช้แทนมีความเหนียวกว่าและสปริงตัวดีกว่า สามารถซักได้ดีแห้งเร็ว
ปัจจุบันได้นำมาผลิตเป็นใยลูกบอล ที่มีความสปริงตัวสูงและไม่เก็บฝุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมนำไป
ผลิตเป็นใสหมอนสุขภาพกันมากขึ้น
ดังนั้นเราในฐานะผู้ใช้ต้องเลือกที่จะใช้ให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจ
แนะวิธีการเลือกหมอน จากโรงพยาบาลกรุงเทพ
โรงพยาบาลกรุงเทพแนะวิธีการเลือกหมอนที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น และลดอาการปวดคอและหลังได้ เนื่องจากกระดูกสันหลังของคนเรามีลักษณะคล้ายกับตัว S ที่ช่วงหน้าอกจะงอไปข้างหลัง ช่วงคอจะงอมาด้านหน้า ทำให้เวลานอนคนเราจำเป็นต้องมีหมอนหนุนคอ เพื่อให้ได้โค้งงอไปตามธรรมชาติ
หมอนที่ดีควรนุ่มหนุนสบายเพื่อ รองรับศีรษะ หนุนตั้งแต่ต้นคอถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้ว หากนอนหมอนเตี้ยและนุ่มเกินไป เวลานอนหมอนจะยุบลงทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูง โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เมื่อตื่นขึ้นมาจะเกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม อาจทำให้มีอาการเหมือนคนตกหมอน ปวดเคล็ดต้นคอ และหันลำบาก
ส่วนหมอนที่สูง และแข็งเกินไปจะทำให้ส่วนของศีรษะสัมผัสกับหมอนน้อย บริเวณที่สัมผัสกับหมอนเลือดจะไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้คอตั้งมากเกินไป เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวกซึ่งอาจทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อกระดูกต้นคอ ทับหลอดเลือดและเส้นประสาทหรือเกิดอาการเป็นเฉพาะที่ เช่น ปวดต้นแขน
แพทย์แนะนำผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และปอดว่าควรจะนอนหมอนสูงเพื่อให้หัวใจ และปอดทำงานเบาขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่มีไข้สูงควรหาหมอนน้ำให้หนุน เพื่อให้ความเย็น และช่วยลดความร้อนที่ศีรษะให้ดีขึ้น
อาการปวดคอเวลานอนยังขึ้นอยู่กับ ท่าการนอนด้วย ท่านอนที่ดีคือท่านอนหงาย และใช้หมอนนิ่มและไม่สูง ให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง ถ้าชอบนอนตะแคงควรใช้หมอนที่ไม่สูงเกินไปและมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่างขา หรืออาจจะใช้ผ้าขนหนูม้วนหนุนข้อมือด้านที่ตะแคงก็ได้
ท่านอนตะแคงที่เหมาะสม คือหมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะโดยศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว
อีกสาเหตุหนึ่ง คือ
นอนตกหมอนซึ่งมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ ความจริงแล้ว ไม่ได้เกิดจากการนอนตกหมอน แต่เกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างสะบักอาจเป็น ด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้
วิธีแก้ไขอย่างง่ายๆ ทำได้ 2 วิธี คือนวดโดยใช้นิ้วมือกดบริเวณที่ปวดแรงๆ แช่ไว้นานๆ ประมาณ 2 อึดใจเพื่อไล่เลือด และกรดที่คั่งในกล้ามเนื้อออกไปเพื่อให้เลือดได้สะดวก
อีกวิธีหนึ่งคือใช้ความร้อนจะใช้ กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าชุบน้ำร้อนหรือใช้ขวดใส่น้ำร้อนห่อผ้า วางบริเวณที่ปวด และคลึงเบาๆ ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่อักเสบคลายตัวได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : sanook.com และ
วิธีหนุนหมอน
การเลือกหมอน
หมอนที่ดี ควรมีความนุ่มหนุนสบาย สามารถรองรับได้ตั้งแต่คอจนถึงศีรษะ โดยมีความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้ว รวมไปถึงความนุ่ม และรองรับศีรษะจนถึงบริเวณคอได้ทั้งหมด
การจะนอนให้หลับดีต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง การเลือกหมอนที่เหมาะสมกับท่านอน ก็อาจจะทำให้นอนหลับดีขึ้น และยังลดอาการของอาการปวดหลังหรือปวดคอ
วิธีการหนุนหมอนกับท่านอนแต่ละท่า
- นอนหงาย หมอนที่ใช้ ต้องนิ่ม และไม่สูง ควรให้มีการรองรับส่วนเว้าของกระดูกคอ หน้าไม่เงยไปข้างหลัง โดยตำแหน่งที่จะใช้หนุน ได้แก่ บริเวณศีรษะ คอ ไหล่ และเข่า
- นอนตะแคง มีหมอนใบหนึ่งหนุนศีรษะโดยที่หมอนต้องไม่สูงเกินไป หมอนต้องสูงเท่ากับระดับความสูงจากไหล่มายังศีรษะ ซึ่งศีรษะต้องอยู่ในแนวเดียวกับกึ่งกลางลำตัว และมีหมอนข้างอีกใบไว้ระหว่งขา บางท่านอาจจะใช้ผ้าขนหนูม้วนหนุนข้อมือด้านที่ตะแคง
- นอนคว่ำ ไม่ต้องใช้หมอนหรือหากจะใช้ต้องค่อนข้างจะแบน และอาจจะมีหมอนใบเล็กๆหนุนตรงบริเวณท้อง
ชนิดของหมอน
- หนุนที่เข่าซึ่งสามรถหนุนได้สองรูปแบบ คือนอนหงายแล้วเอาหมอนหนุนใต้เข่า หรือนอนตะแคงหมอนอยู่ระหว่างขา ท่านอนและการใช้หมอนท่านี้จะช่วยลดอาการปวดหลังเนื่องจากกล้ามเนื้อหลังอักเสบ หมอนที่ใช้คือหมอนข้าง
- หมอนหนุนที่ศีรษะและคอ หมอนที่ดีควรจะรองตั้งแต่ต้นคอจรดถึงศีรษะ ความสูงของหมอนประมาณ 4-6 นิ้วโดยหมอนควรจะนุ่มเพื่อที่ส่วนที่รองศีรษะยุบ จนกระทั่งหมอนสามารถรองรับบริเวณคอ หมอนชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ปวดต้นคอ หากหมอนสูงเกินไปเมื่อนอนหงายหรือนอนตะแคง กล้ามเนื้อคอจะถูกยืดมากเกินไป ทำให้ปวดกล้ามเนื้อคอ และที่สำคัญในทางนอนหงายหากหมอนสูงไป จะทำให้ทางเดินหายใจแคบเกิดอาการกรน
- หมอนรูปตัว U เป็นหมอนทีใช้สำหรับหนุนคอ ขณะเดินทางโดยสารเพื่อป้องกันมิให้คอเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง หรือหงายไปทางด้านหลัง เหมาะสำหรับนั่งหลับขณะโดยสารในรถหรือเครื่องบิน
- หมอนรองหลัง ใช้สำหรับหนุนหลังส่วนเอว เหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานนั่งนาน หรือขับรถนาน เพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง
- หมอนรูปโดนัท เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกก้นกบหัก เวลานั่งจะไม่ปวดก้น
เมื่อท่านเลือกที่จะใช้หมอนที่ใดที่หนึ่งให้ลองดูดูสัก 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นผล เมื่อใช้หมอนไประยะเวลาหนึ่งความนุ่มของหมอนจะเสียไป ต้องเปลียนหมอน
วิธีดูแลรักษา และแบรนด์ที่จำหน่ายดังนี้
- หมอนยางพารา ควรผึ่งลมเพื่อกำจัดกลิ่นอับและเลี่ยงแดดจัด ถ้ามีรอยเปื้อนให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วผึ่งลมให้แห้ง
- หมอนเมมโมรีโฟม เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ และปล่อยให้แห้ง กรณีโฟมด้านในเปียก ใช้แรงกดเพื่อรีดน้ำออกและปล่อยให้แห้ง ต้องเลี่ยงแดดจัด
- หมอนขนเป็ด ควรผึ่งแดดเป็นประจำครั้งละ 2-3 ชม. ตบหมอนเป็นประจำเพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
- หมอนขนห่าน ควรนำออกผึ่งแดดสม่ำเสมอ ครั้งละ 2-3 ชม. และหมั่นตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
- หมอนใยสังเคราะห์ ควรตบหมอนตามแนวทแยงทั้งสองด้านทุกวัน เพื่อให้พองฟู ซักเป็นประจำทุก 2-3 เดือน หลังซักให้ผึ่งไว้ในแนวนอน และไม่ควรบิดหมอน.
ใครว่าเรื่องหมอนไม่ใช่เรื่องใหญ่...เพราะร่างกายคนเราต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม
เพื่อการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ และ
“หมอน” คือหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับการนอน ถ้าเลือกหมอนไม่ถูกสุขลักษณะ
อาจจะทำให้คุณฝันร้ายได้ง่ายๆ เพราะนอนจากจะนอนไม่หลับแล้ว
กระดูกสันหลังของคุณอาจจะโดนทำร้ายไปด้วย ดังนั้นการเลือกหมอนให้เหมาะกับสรีระ
จะทำให้คุณได้ฝันดีไปตลอดคืน
เนื่องจากกระดูกสันหลังคนเราจะโค้งคล้ายตัว S
จึงจำเป็นต้องรักษาความโค้งงอตามธรรมชาติไว้ หน้าที่รองรับจึงตกอยู่ที่หมอนหนุนคอ
และควรเลือกหมอนที่นุ่ม มีขนาดพอดี รองรับตั้งแต่คอจนถึงศีรษะ
เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 4-6 นิ้ว โดย นายแพทย์ชลัท วินมูน
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง แห่งโรงพยาบาลสมิติเวช
สุขุมวิท ได้มาให้ความรู้เรื่องการเลือกหมอนที่ถูกสุขลักษณะ
เพื่อป้องกันโรคกระดูกต้นคอ
และเพื่อให้การนอนเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง
คุณหมอชลัทเล่าว่า “กระดูกคอ ประกอบด้วยกระดูกเล็กๆ7
ชิ้นมาเรียงต่อกัน แต่ละชิ้นจะเชื่อมต่อกันด้วยหมอนรองกระดูก
ซึ่งกระดูกและหมอนรองกระดูกคอ มีหน้าที่สำคัญในการขยับเคลื่อนไหวของคอและศีรษะ
และป้องกันอันตรายต่อไขสันหลังและเส้นประสาทภายใน
ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับกระดูกต้นคอ จะทำให้เกิดอาการปวดคอ เคลื่อนไหวลำบาก
ทั้งอาจจะเกิดอันตรายต่อเส้นประสาทไขสันหลังภายในได้ด้วย”
นอกจากนี้
คุณหมอยังชี้ว่าการเลือกหมอนให้ถูกสุขลักษณะและเหมาะกับสรีระมีความสำคัญมาก
“การเลือกหมอนที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดคอ
ทำให้เราสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
หมอนที่เหมาะสมควรรับกับความโค้งของกระดูกต้นคอพอดี ถ้าหมอนมีความอ่อนนุ่มพอควร
เวลานอนศีรษะควรจมไปในหมอน และตัวหมอนควรมารองรับตรงส่วนโค้งด้านหลังของคอ
ทำให้คอไม่เงยหรือก้มเกินไป
หมอนที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาที่ก่อให้เกิดอาการปวดคอลงได้”
นอกจากการเลือกหมอนให้ถูกสุขลักษณะเหมาะกับสรีระแล้ว
การดูแลรักษาหมอนก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหมอนบางใบต้องซักมือเท่านั้น
บางรุ่นใส่เครื่องซักผ้าได้ สำคัญที่สุดคือ หมอนควรแห้งสนิท
ถ้าเปียกชื้นอาจก่อเชื้อราได้ โดยมีข้อสังเกต คือ ไส้จะไม่เกาะเป็นก้อน
นั่นแสดงว่าแห้งสนิทดี ทั้งนี้ หมอนแต่ละชนิดมีวัสดุบรรจุต่างกัน
จึงมีวิธีดูแลรักษาแตกต่างกันไปด้วย
1. หมอนยางพารา
ควรผึ่งลมเพื่อกำจัดกลิ่นอับและเลี่ยงแดดจัด ถ้ามีรอยเปื้อน
ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วผึ่งลมให้แห้ง
2. หมอนเมมโมรีโฟม
เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ และปล่อยให้แห้ง กรณีโฟมด้านในเปียก
ใช้แรงกดเพื่อรีดน้ำออกและปล่อยให้แห้ง อย่าลืมว่าต้องเลี่ยงแดดจัด
3. หมอนขนเป็ด
ควรผึ่งแดดเป็นประจำครั้งละ 2-3 ชม. ตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู
เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
4. หมอนขนห่าน ควรนำออกผึ่งแดดสม่ำเสมอ
ครั้งละ 2-3 ชม. และหมั่นตบหมอนเป็นประจำ เพื่อให้ขนด้านในพองฟู
เมื่อซักแล้วให้อบแห้งอย่างน้อย 5 ชม.
5. หมอนใยสังเคราะห์
ควรตบหมอนตามแนวทแยงทั้งสองด้านทุกวันเพื่อให้พองฟู ซักเป็นประจำทุก 2-3 เดือน
หลังซัก ให้ผึ่งไว้ในแนวนอน และไม่ควรบิดหมอน
Tips
เคล็ดลับคู่หมอน :: ควรจำว่า หมอนทุกใบต้องมี “ปลอกหมอน” เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก
และช่วยยืดอายุการใช้งาน ปลอกหมอนที่ดีควรมีเส้นด้ายต่อตารางนิ้วมาก
และอีกสาเหตุหนึ่งของโรคภูมิแพ้เกิดจากหมอนสกปรก มีไรฝุ่นซ่อนอยู่ วิธีกำจัดง่ายๆ
คือ นำหมอนตากแดดนานเกิน 1 ชม./ ซักด้วยน้ำร้อนนาน 30 นาที/ ซักแห้ง/
รีดด้วยความร้อนราว 140 องศาเซลเซียส/ ทำความสะอาดห้องนอนทุกวัน
อย่าลืมอ่านวิธีใช้และดูแลรักษาหมอนแต่ละประเภทจากคู่มือด้วย :: Text by
FLASH |
ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
FLASH
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ